เคยไหม..อยู่ดีๆ ก็ ผื่นขึ้น!
แพ้อะไรไม่รู้ ผื่นขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นผื่นอะไร..? หรือว่าต้องไปหาหมอมั้ย บางทีก็ทั้งคัน ทั้งแสบ แต่ก็ไม่กล้าใช้ยามั่วๆ กลัวจะเป็นหนักกว่าเดิม หรือบางคนเป็นจนชิน เพราะเป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว
รู้หรือไม่ว่า ผื่นเนี่ย ก็เป็นสัญญาณบอก โรค ได้หลายๆโรคเลยทีเดียว
แพ้อะไรไม่รู้ ผื่นขึ้น วันนี้ Agnos พามาเช็กกันว่า “เราเป็นผื่นแบบไหน” แล้ว มาหาสาเหตุไปพร้อมกัน!
อันกับแรกเลย ต้องอธิบายก่อนว่า ผื่น คือ อาการทางผิวหนังอย่างหนึ่ง มีลักษณะบวม และทำให้มีอาการระคายเคือง อาจเป็นจุดเดียว หรือบริเวณกว้าง
โดยอาการส่วนใหญ่ที่เรามักเคยเห็น หรือเคยเป็นกัน คือ
- ผิวหนังบวมแดง มีลักษณะเป็นปื้น
- มีอาการระคายเคือง คัน เจ็บ หรือปวดแสบปวดร้อน
- มีตุ่มน้ำใส ๆ เกิดขึ้น
- ผิวลอก
- เป็นแผลพุพอง
เรามาดูกันเลย ว่าผื่นที่ใครหลายๆคนเป็นเนี่ย มันเกิดจากอะไร และเป็นผื่นประเภทไหน
- ผื่นคันแดงตามตัว Exanthematous (Morbilliform)
Image credit : https://pantip.com/topic/37780984
เป็นผื่นที่ใครหลายๆ คนคงจะเคยเห็นกัน ไม่ว่าจะเป็นแค่จุดเดียว หรือ ทั้งตัว โดยผิวหนังบริเวณที่มีผื่นจะคัน มีสีแดง หรือบางรายอาจมีตุ่มใสๆ หรือตกสะเก็ด
สาเหตุของผื่นคันชนิดนี้เนี่ย นอกจากโรคผิวบางชนิดแล้ว อาจเกิดจากปัจจัยที่ไปกระตุ้นผื่น คือ
การทานอาหารรสเผ็ด หรือ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- อยู่ท่ามกลางแสงแดด และมลภาวะ อย่างฝุ่น PM 2.5
- ความเครียด
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ
- การสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ เช่น น้ำยาทำความสะอาด
- อาการข้างเคียงที่เกิดจากการแพ้ยา
- แมลงกัดต่อย
การรักษานอกจากการใช้ยาแล้ว อย่างที่เรารู้กันว่า..
“ถึงแม้จะคัน แต่ก็ไม่ควรเกา หรือไม่โดนผื่น”
นอกจากนั้นควรดูแลผิวไม่ให้แห้ง และคอยสังเกตเสมอว่าอะไร ที่ทำให้เราเกิดอาการผื่นขึ้น หรือเกิดอาการแพ้นั่นเอง
2. ผื่นจากลมพิษ หรือ โรคลมพิษ (Urticaria)
Image credit : https://www.vibhavadi.com/Health-expert/byDoctors/detail/501
ผื่นลมพิษเนี่ย จะเป็นผื่น ที่เป็นปื้นๆ นูนขึ้นมา แดง ไม่มีขุย สามารถมีขนาดตั้งแต่ 0.5 ไปจนถึง 10 เซนติเมตรเลยทีเดียว
โดยจะมีอาการคัน และผื่นจะสามารถขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่จะหายไปเองภายใน 1 วัน และไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ แต่สามารถเกิดขึ้นซ้ำได้นั่นเอง
บางคนอาจมีอาการอื่นๆ อย่างปวดท้อง หายใจไม่สะดวก อาการหอบหืด เป็นลมจากความดันโลหิตต่ำ ซึ่งเป็นสัญญาณของปฎิกิริยาแพ้รุนแรงสามารถอันตรายถึงชีวิตได้
** หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์
แล้วลมพิษเนี่ย เกิดจากอะไรกัน..? ทำไมเป็นๆ หายๆ
สาเหตุของผื่นลมพิษ หรือ โรคลมพิษ ที่เราพบได้บ่อยๆคือ
- แพ้อาหาร ยา ไรฝุ่น ฝุ่นละออง ละอองเกสร พืชบางชนิด ขนสัตว์ อาหาร หรืออาการแพ้สิ่งต่างๆ
- การติดเชื้อ เช่น การติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา ฟันผุ เป็นหวัด
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- พักผ่อนไม่พอ ร่างกายอ่อนแอ
- ภาวะความเครียด และวิตกกังวล
- การสัมผัสสารเคมี เช่น สารเคมีในเครื่องสำอาง
ถ้าเราเป็นลมพิษ ต้องไปหาคุณหมอมั้ย..?
ถ้ามีผื่นลมพิษสามารถลองทานยาแก้แพ้ดูก่อนได้ หากผื่นลมพิษ หายไปภายใน 24 ชั่วโมง ก็อาจไม่มีความจำเป็นในการไปหาคุณหมอ แต่ว่า..
หากผื่นไม่หายไปภายใน 24 ชั่วโมง แม้ว่าจะลองทานยาแล้ว หรือมีอาการปวดข้อ ตาบวม ปากบวม แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
3. ผื่นตุ่มพองน้ำใส (Vesiculobullous Eruption)
Image credit : https://amprohealth.com/symptoms/vesiculobullous-eruption/
ฟังดูอาจจะค่อนข้างน่ากลัวซักหน่อย..ผื่นตุ่มพองน้ำใส มีลักษณะเป็นตุ่ม หรือมีถุงน้ำใสๆ เกิดขึ้นตามจุดต่างๆของร่างกาย
โดยเจ้าตุ่มน้ำใสที่แสนจะน่ากลัวเหล่านี้ อาจเกิดจาก…
- การติดเชื้อบางชนิด เช่น โรคเริม โรคอีสุกอีใส หรือ เชื้อจากโรคงูสวัด
- ภาวะที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายต่อต้านตนเอง
- การสัมผัสกับสารที่ก่อการระคายเคืองหรือสารเคมี
- การเสียดสี ที่รุนแรง จนทำให้มีอาการคัน ผื่นแดง ก็สามารถทำให้เกิดผื่นตุ่มน้ำพองได้เช่นกัน
ถึงแม้อาการโดยทั่วไปของผื่นตุ่มน้ำใส อาจจะเหมือนๆ กับผื่นชนิดอื่น บางคนอาจมีเพียงแค่อาการคันธรรมดาเท่านั้น แต่การที่มีตุ่มน้ำใส ก็อาจเป็น สัญญาณอันตราย มากพอให้ไปพบแพทย์
4. ผื่นผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำ (Dyshidrotic Eczema)
Image credit : https://eczema.org/information-and-advice/types-of-eczema/pompholyx-eczema-2/
เป็นผิวหนังอักเสบชนิดหนึ่ง ที่มักจะเป็นๆ หายๆ และพบมากในเด็ก โดยจะมีตุ่มใสๆ แข็งๆ ตามผ่ามือ ผ่าเท้า หรือนิ้วมือและนิ้วเท้า ซึ่งเจ้าผื่นชนิดนี้เนี่ย อาจเกิดจาก “โรคภูมิแพ้” นั่นเอง
โดยปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดผื่นนี้ คือ การสัมผัสกับสารที่ทำให้ระคายเคือง เช่น วัสดุบางอย่างในเครื่องประดับ หรือสิ่งของต่างๆ รวมถึงสารในเครื่องสำอาง น้ำหอมเป็นต้น
การติดเชื้อต่างๆ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เราเป็นผื่นชนิดนี้ได้ อย่าง การติดเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย
หรือแม้แต่ช่วงนี้ที่เราต้องใช้เจลแอลกอลฮอล์บ่อยๆ ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและเป็นผื่นชนิดนี้ได้เช่นกัน!
ผื่นชนิดนี้ถึงขั้นไปหาคุณหมอมั้ย..?
หากเกิดขึ้นบ่อยๆ จนผิดปกติ ควรรีบไปหาคุณหมอทันที เพื่อป้องกันโรค และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
5. ผื่นแดงตาข่าย หรือเส้นใยเล็กๆ (Livedo Reticularis)
Image credit : https://www.pobpad.com/%E0%B8%9C%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2-livedo-reticularis
ถึงแม้ชื่อจะไม่ค่อยคุ้นมาก แต่บางคนอาจจะเคยเป็นแบบไม่รู้ตัวเลยก็ได้ !
ผื่นชนิดนี้จะมีลักษณะลายๆ เหมือนตาข่าย โดยอาจเกิดจากโรคหลอดเลือดอักเสบ (Vasculitis) ทำให้ระบบไหลเวียนของเส้นเลือดไหลช้า เกิดลักษณะอาการลายๆ ตามร่างกาย
อาจมีผื่นนูน หรือมีจ้ำเลือด รวมถึงตุ่มใต้ผิวหนังที่กดแล้วจะเจ็บอีกด้วย
ซึ่งหากเป็นผื่นชนิดนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ เนื่องจากหากปล่อยทิ้งไว้ อาจเกิดอาการขาดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ เนื่องจากสาเหตุสำคัญของการเกิดผื่นชนิดนี้คือ ความผิดปกติของระบบเลือด นั่นเอง
ถึงแม้ผื่น อาจดูเป็นอาการที่ไม่รุนแรง ไม่ว่าจะเป็นผื่นจากอาการแพ้เหงื่อหรือแพ้ฝุ่นที่เราเจอประจำกันอยู่แล้วในทุกๆวัน แต่ก็อย่าลืมว่า ผื่น ก็อาจเป็นสัญญาณที่พาเราไปสู่โรคร้ายต่างๆได้ โดยที่เราอาจไม่ทันได้สังเกต
โดยหากมีอาการผื่น หรืออาการที่กังวล สามารถกด Agnos แอปพลิเคชัน ที่ใช้ AI ในการวิเคราะห์อาการเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นอาการทางกายหรือใจก็ตาม
มีไว้..สบายใจกว่า เสมือนมีเพื่อนเป็นหมอ
อ้างอิง:
ทำความเข้าใจ “ผื่น” ทั้ง 6 ประเภท และผื่นแย่แค่ไหนถึงควรพบแพทย์
https://www.haijai.com/4461/
https://www.pobpad.com/ผื่น
https://mw-wellness.com/health/4934
Comments
Powered by Facebook Comments
Facebook
Twitter
Pinterest
Google+
YouTube
RSS